ในทุกๆ วัน หลายคนคงไม่สังเกตเห็นว่าอากาศรอบตัวเต็มไปด้วยฝุ่นพิษที่ไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เมื่อมันเข้าสู่ร่างกายกลับสามารถทำให้เกิดอาการแสบจมูก แสบตา และมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เรียกว่า PM 2.5 กลายเป็นปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพและจังหวัดอื่นๆ โดยปัญหานี้ไม่ได้แค่ทำให้การหายใจยากขึ้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ และโรคทางเดินหายใจ ซึ่งล้วนเป็นโรคที่สามารถพัฒนาได้จากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

จากการศึกษาจาก Institute for Health and Evaluation ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน พบว่า มลภาวะทางอากาศเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เพราะสารเคมีในฝุ่นละอองสามารถเข้าสู่ร่างกายและทำให้เกิดการอักเสบ รวมถึงลดการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย โดยเฉพาะในหลอดเลือดหัวใจและปอดที่เป็นอวัยวะที่สัมผัสฝุ่นโดยตรง
การได้รับสารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบและเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 มาดูกันว่ามีสารอาหารใดบ้างที่สามารถช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากฝุ่นพิษนี้:

- วิตามิน A และเบต้า-แคโรทีน: ซึ่งพบมากในแครอท, ตำลึง, ผักบุ้ง, ฟักทอง, มะม่วง ฯลฯ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของปอดและระบบทางเดินหายใจ พร้อมป้องกันผลกระทบจากฝุ่นพิษ
- วิตามิน C: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการทำลายของเซลล์และเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย พบในผลไม้เช่น ส้ม, สตรอเบอรี่, แตงโม, ทับทิม
- วิตามิน E: พบในธัญพืชและถั่ว ช่วยลดการอักเสบและบำรุงปอดให้ทำงานได้ดีขึ้น
- วิตามิน B6, B12 และกรดโฟลิก: ช่วยลดสารโฮโมซิสเทอีนในเลือดที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด พบในผักใบเขียว, ฟักทอง, แครอท
- โอเมก้า-3: ซึ่งพบมากในปลาต่างๆ ช่วยลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่อาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษ
- ซัลโฟราเฟน (Sulforaphane): จากบร็อคโคลีและผักตระกูลกะหล่ำ ช่วยในกระบวนการกำจัดสารพิษและป้องกันมะเร็ง
- N-acetyl cysteine (NAC): ช่วยลดการสะสมของเสมหะและมูกในปอด และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย
- เบต้ากลูแคน (Beta-Glucan): พบในเห็ด เช่น เห็ดชิตาเกะ และเห็ดไมตาเกะ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและทำให้ร่างกายสามารถรับมือกับมลภาวะได้ดีขึ้น

นอกจากนี้สมุนไพรไทยยังมีสรรพคุณในการต้านมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ด้วย เช่น มะขามป้อมที่ช่วยป้องกันการอักเสบในเซลล์, ขมิ้นชันที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง และรางจืดที่สามารถล้างพิษจากฝุ่นได้
นอกจากการทานอาหารที่มีประโยชน์เหล่านี้แล้ว การดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10 แก้ว, การพักผ่อนให้เพียงพอ, และการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกไปเผชิญมลภาวะจะช่วยลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ได้มากขึ้น โดยที่เครื่องกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพในบ้านหรือในรถยนต์ก็สามารถช่วยให้เราหายใจได้สะอาดขึ้น